นักเทรดส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่ค่าสเปรดเพียงอย่างเดียวในขณะที่กำลังเลือกโบรกเกอร์ แต่ยังมีค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อาจมีความชัดเจนน้อยกว่า ดังนั้นนักเทรดบางรายอาจไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาพิจารณา เราได้พูดคุยกับจอห์นนี่ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสภาพคล่องของ Tickmill เพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับต้นทุนแอบแฝงเหล่านี้ที่นักเทรดควรทราบเพื่อการตัดสินใจที่มีข้อมูลมากขึ้น

ทำความเข้าใจต้นทุนเพิ่มเติมในการซื้อขายฟอเร็กซ์

จอห์นนี่คะ นักเทรดควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอะไรบ้าง?

ค่าสเปรดถือเป็นสิ่งที่นักเทรดต้นทุนอันดับหนึ่งพิจารณาก่อนทำการซื้อขาย อย่างไรก็ตามนักเทรดที่ไม่มีประสบการณ์จำนวนมากมักจะไม่สนใจต้นทุน และค่าธรรมเนียมที่สำคัญอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบสูงต่อการซื้อขายของพวกเขา

ผมจะแจกแจงค่าใช้จ่ายเหล่านี้โดยย่อ และอธิบายว่า Tickmill ใช้จ่ายไปเท่าไรในแต่ละรายการ:

1) ค่าสเปรด 

ค่าสเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาซื้อ และขายของผลิตภัณฑ์บางประเภท ยิ่งมีค่าสเปรดแคบ ต้นทุนก็ยิ่งต่ำลง

ที่ Tickmill เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มา และรักษาค่าสเปรดให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดในตลาด

ค่าสเปรดของเราในคู่ฟอเร็กซ์หลัก ทองคำ และดัชนีหลักทำให้เราเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ 3 อันดับแรกทั่วโลก โดยพิจารณาจากการวิเคราะห์ตลาดของเรา และการวิเคราะห์ของผู้ให้บริการบุคคลที่สามอิสระที่เราติดตามอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น ค่าสเปรดเฉลี่ยของคู่ EURUSD ของเราคือ 0.1 pips ตลอดวันซื้อขาย 24 ชั่วโมง และส่วนใหญ่อยู่ที่ 0 pips ในระหว่างช่วงเวลาซื้อขายในยุโรป และอเมริกา สำหรับทองคำ ค่าสเปรดของเราเฉลี่ยอยู่ที่ 9 เซนต์ นอกจากนี้เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากการขยายธุรกิจของเราทั่วโลก เราได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับคู่สกุลเงินที่เกิดใหม่มากขึ้น สิ่งนี้ช่วยให้เราสามารถเสนอค่าสเปรดที่แข่งขันได้ในสกุลเงินต่าง ๆ เช่น ลีราตุรกี เปโซเม็กซิกัน และสกุลเงินสแกนดิเนเวีย

2) ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขาย 

ค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายเป็นค่าใช้จ่ายที่หักออกจากบัญชีของคุณเมื่อคุณเปิดการซื้อขาย โดยปกติค่าคอมมิชชั่นจะคิดตาม "ต่อล้าน" หรือ "ต่อล็อตที่ซื้อขาย" มันเป็นที่น่าสังเกตว่าโบรกเกอร์ที่ให้บริการค่าสเปรดที่ต่ำมาก หรือเป็นศูนย์มักจะคิดค่าคอมมิชชั่น ลูกค้าที่มีประสบการณ์น้อยมักจะมองข้ามค่าคอมมิชชั่นเนื่องจากจะไม่ถูกหักออกจากยอดเงินในบัญชีทันที ความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วนี้ช่วยให้โบรกเกอร์บางรายสามารถให้บริการค่าสเปรดที่ดูเหมือนต่ำในขณะที่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูง

ที่ Tickmill เราภูมิใจในโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส สำหรับบัญชีวีไอพี ค่าคอมมิชชั่นของเราคือ 1 ต่อด้าน (10 ต่อล้าน) และสำหรับบัญชีมืออาชีพมาตรฐานคือ 2 ต่อด้าน (20 ต่อล้าน)

ดังนั้นค่าคอมมิชชั่นของเราจึงต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม เมื่อคุณพิจารณาทั้งค่าสเปรด และค่าคอมมิชชั่นของเราร่วมกันแล้วจะทำให้เราเป็นผู้ให้บริการที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการด้านฟอเร็กซ์รายย่อย

เรามาลองพิจารณาตัวอย่างในเชิงปฏิบัติกัน: ลองจินตนาการว่าคุณมีบัญชีวีไอพีของ Tickmill

ค่าสเปรดของเราใน USDJPY คือ 0.2 และค่าคอมมิชชั่นคือ 1 ต่อด้านสำหรับทุก ๆการซื้อขาย 100,000 ต้นทุนรวมของคุณในการเปิด และปิดการซื้อขาย 1 ล็อตเท่ากับ:

ค่าคอมมิชชัน 2 ดอลลาร์ + ค่าสเปรด 1.68 ดอลลาร์ = 3.68 ดอลลาร์

ตอนนี้เราจะมาเปรียบเทียบตัวอย่างนี้กับโบรกเกอร์รายอื่นที่เสนอค่าสเปรดเป็นศูนย์สำหรับ USDJPY แต่มีค่าคอมมิชชันที่สูงถึง $3.5 ต่อล็อตต่อด้าน

ต้นทุนรวมของคุณในการเปิด และปิดการซื้อขาย 1 ล็อตเท่ากับ:

ค่าคอมมิชชัน 7 ดอลลาร์ + ค่าสเปรด 0 ดอลลาร์ = 7 ดอลลาร์

น่าแปลกที่แม้จะเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรด 0 แต่ต้นทุนรวมของคุณกลับสูงกว่าถึง 1.9 เท่า

เมื่อเลือกซื้อขายกับ Tickmill คุณจะประหยัดเงินได้มากกว่า 3 ดอลลาร์ต่อล็อตรอบ

3) ตัวแปลงสกุลเงิน 

การซื้อขายในตลาดที่ชำระด้วยสกุลเงินที่แตกต่างจากสกุลเงินหลักของบัญชีของคุณอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน ตัวอย่างเช่น หากสกุลเงินหลักในบัญชีของคุณคือดอลลาร์สหรัฐ และคุณซื้อขาย USD/CAD ผลกำไรของคุณจะถูกแปลงจากดอลลาร์แคนาดากลับเป็นดอลลาร์สหรัฐ โดยอัตโนมัติก่อนที่จะส่งเข้าไปยังบัญชีของคุณ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คิดค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์สำหรับการแปลงนี้ และโดยทั่วไปค่าธรรมเนียมจะอยู่ระหว่าง 0.5% ถึง 1% นี่เป็นค่าธรรมเนียมที่หลายคนมองข้ามแต่มันก็สามารถมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้สกุลเงินที่แตกต่างจากสกุลเงินฐานในบัญชีของคุณ

ที่ Tickmill เราไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการแปลงใด ๆ PL - ผลกำไร/ขาดทุน ของคุณจะถูกแปลงโดยอ้างอิงจากอัตรา ณ เวลานั้น

4) การโรลโอเวอร์ข้ามคืน และสวอป

การโรลโอเวอร์หรือที่เรียกว่าสวอปคือการปิดสถานะที่เปิดอยู่สำหรับวันที่มีมูลค่าของวันนี้และการเปิดสถานะเดียวกันสำหรับมูลค่าของวันถัดไปพร้อมกันในราคาที่สะท้อนถึงส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน ต้นทุนโรลโอเวอร์เป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดหากคุณถือการซื้อขายเป็นระยะเวลานาน

ต้นทุนทางการเงินเป็นต้นทุนสำคัญอีกประการหนึ่งที่มักจะรวมอยู่ในค่าธรรมเนียมแบบโรลโอเวอร์ 'ค่าธรรมเนียมสวอป' ที่คุณเห็นในบัญชีของคุณสำหรับผลิตภัณฑ์ CFD มักจะเป็นต้นทุนทางการเงิน เมื่อคุณซื้อขาย CFD ด้วยเลเวอเรจ โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์ของคุณจะให้คุณยืมเงินเพื่อให้สามารถเปิดตำแหน่งที่คุณไม่สามารถเปิดด้วยเงินทุนของคุณเองได้ โบรกเกอร์จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กน้อยเพื่อครอบคลุมต้นทุนของเงินที่คุณยืมมาอย่างได้ผล

ที่ Tickmill เราตรวจสอบอัตราการโรลโอเวอร์ของเราเป็นระยะ ๆ และปรับให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เช่นเดียวกับสเปรด เราใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของเรากับ LP ของเราเพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การปรับอัตราให้ดีขึ้นเพื่อให้เราส่งต่อไปยังลูกค้าของเรา

5) ค่าธรรมเนียมการไม่มีการใช้งาน 

โบรกเกอร์หลายรายเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานบัญชีของคุณหากคุณไม่ได้ซื้อขายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่มีมาตรฐานเฉพาะที่โบรกเกอร์พึ่งพาในการตั้งค่าค่าธรรมเนียมนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ Tickmill เราไม่บังคับใช้ค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งานบัญชี

6) ค่าธรรมเนียมการถอน 

ค่าใช้จ่ายในการถอนยังเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อทำการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ หากต้องการถอนกำไรจากบัญชีโบรกเกอร์ไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัว โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการถอน สิ่งนี้ทำได้เพื่อครอบคลุมค่าธรรมเนียมการดำเนินการชำระเงิน หรือกีดกันลูกค้าจากการถอนเงิน

ลองเดาดูสิ… Tickmill ไม่คิดค่าธรรมเนียมการถอนเช่นกัน

7) ค่าสลิปเพจ และการปฏิเสธ 

สุดท้ายนี้มีค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่ลูกค้าต้องรับ และจำเป็นต้องทราบ เช่น ค่าสลิปเพจ และการปฏิเสธ

ทำความเข้าใจกับ ค่าสลิปเพจ

คุณสามารถอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องค่าสลิปเพจได้หรือไม่? 

กล่าวง่าย ๆ ก็คือค่าสลิปเพจ คือ ความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณเห็นบนหน้าจอก่อนเปิดการซื้อขายกับราคาที่ดำเนินการซื้อขายของคุณ เมื่อคุณคลิกปุ่มซื้อ หรือขายบนแพลตฟอร์มของคุณ คุณกำลังวางคำสั่งซื้อตามตลาดกับโบรกเกอร์ของคุณ โบรกเกอร์จะพยายามให้ราคาที่ดีที่สุดในตลาดแก่คุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รับราคาที่คุณซื้อขายเสมอไป

เพราะเหตุใดจึงเกิดค่าสลิปเพจ? 

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเกิดค่าสลิปเพจ คือ ความไม่สมดุลระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย

ความไม่สมดุลนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อใด? 

ค่าสลิปเพจส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องต่ำ เช่น ในช่วงตลาดเปิด ช่วงโรลโอเวอร์ ช่วงวันหยุด หรือมีความผันผวนสูงมาก เช่น การประกาศทางการเงินที่สำคัญ ข่าวที่ไม่คาดคิด เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือเพียงแค่ในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

สิ่งสำคัญที่ต้องกล่าวถึงคือขนาดของการซื้อขายมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าลูกค้าจะถูกเติมเต็มในราคาที่พวกเขาเห็นบนแพลตฟอร์ม หรือจะถูกทำให้คลาดเคลื่อน

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ในพื้นที่ FX รายย่อยอนุญาตให้นักเทรดเห็นราคา Top of Book (ToB) สภาพคล่อง ToB อาจไม่มากพอที่จะครอบคลุมคำสั่งซื้อจำนวนมากเสมอไป คำสั่งดังกล่าวจะกวาดบัญชีสภาพคล่อง และกรอกตาม VWAP (ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณ) ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องที่มีอยู่ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมการซื้อขายกับโบรกเกอร์ที่มีความสัมพันธ์ด้านสภาพคล่องที่มั่นคงกับผู้ให้บริการสภาพคล่องรายใหญ่จึงเป็นเรื่องสำคัญ

โดยสรุปแล้วค่าการคลาดเคลื่อนเป็นต้นทุนทางอ้อมอีกข้อหนึ่งที่นักเทรดควรคำนึงถึง 

เช่นเดียวกับการปฏิเสธการซื้อขาย การที่การซื้อขายของคุณถูกปฏิเสธตามค่าเริ่มต้นคือต้นทุนเสียโอกาสเนื่องจากโอกาสที่เสียไป แม้ว่าการระบุปริมาณที่เกี่ยวข้องกับค่าการคลาดเคลื่อนจะยากกว่า แต่ก็เป็นสิ่งที่คุณควรติดตามเป็นอย่างดี ท้ายที่สุดแล้ว การมีค่าสเปรดที่ดีจะมีประโยชน์อะไรหากโบรกเกอร์ไม่สามารถมอบให้กับลูกค้าตามข้อเสนอได้?

และในกรณีที่คุณสงสัย Tickmill ได้รักษาบันทึกคุณภาพการดำเนินการที่ยอดเยี่ยมไว้ ยกตัวอย่าง EURUSD ซึ่งเป็นคู่ FX ที่มีการซื้อขายมากที่สุดโดยอิงตามสถิติล่าสุดของ Tickmill ยุโรป:

อัตราส่วนของการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ หรือขาย: 99.99%

อัตราส่วนการปฏิเสธ: 0.01%

สถิติค่าสลิปเพจ:

ณ ราคาอ้างอิง / ไม่มีค่าสลิปเพจ: 50%

ค่าสลิปเพจที่เป็นบวก: 23% (เฉลี่ย + 0.20 pip)

ค่าสลิปเพจที่เป็นลบ: 27% (เฉลี่ย - 0.24 pip)